สร้างตัวติดตั้งที่บูตได้สำหรับ macOS

คุณสามารถใช้แฟลชไดรฟ์ USB หรือดิสก์โวลุ่มรองเป็นดิสก์เริ่มต้นระบบที่ใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Mac ได้ ขั้นตอนต่อไปนี้มีไว้สำหรับผู้ดูแลระบบและผู้ใช้คนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์เป็นหลัก

  1. คุณต้องการตัวติดตั้งที่สามารถบูตได้หรือไม่

  2. ดาวน์โหลดตัวติดตั้ง macOS แบบเต็ม

  3. เชื่อมต่อและเปลี่ยนชื่อแฟลชไดรฟ์ USB

  4. คัดลอกคำสั่งที่เหมาะสม

  5. ป้อนคำสั่งในเทอร์มินัล

  6. ใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้

คุณต้องการตัวติดตั้งที่บูตได้ใช่หรือไม่

คุณไม่ต้องใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้เพื่ออัปเกรด macOS หรือติดตั้ง macOS อีกครั้ง แต่ตัวติดตั้งที่บูตได้จะมีประโยชน์เมื่อใช้วิธีอื่นๆ ในการติดตั้ง macOS แล้วแต่ไม่สำเร็จ หรือเมื่อคุณต้องการติดตั้ง macOS บนคอมพิวเตอร์หลายเครื่องโดยไม่ต้องดาวน์โหลดตัวติดตั้งทุกครั้ง

ดาวน์โหลดตัวติดตั้ง macOS แบบเต็ม

  1. ดาวน์โหลดตัวติดตั้งแบบเต็มโดยดาวน์โหลดผ่าน App Store, เว็บเบราว์เซอร์ของคุณ หรือเทอร์มินัลโดยใช้คำแนะนำในวิธีดาวน์โหลดและติดตั้ง macOS

    • ให้คุณดาวน์โหลดตัวติดตั้งมาเก็บไว้โดยไม่ต้องติดตั้ง หากตัวติดตั้งเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติหลังจากดาวน์โหลด ให้ปิดตัวติดตั้ง

    • โดยส่วนใหญ่ คุณต้องดาวน์โหลดจาก Mac ที่ใช้งานร่วมกันได้กับ macOS ที่คุณกำลังดาวน์โหลด ซึ่งสำหรับ macOS เวอร์ชั่นก่อน macOS High Sierra 10.13 คุณต้องสร้างตัวติดตั้งที่สามารถบูตได้บน Mac รุ่นเก่าที่ใช้งานร่วมกันได้

    • ผู้ดูแลระบบขององค์กร: ดาวน์โหลดจาก Apple และไม่ควรดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์สำหรับการอัปเดตที่โฮสต์อยู่ภายในองค์กร

  2. ตรวจสอบชื่อตัวติดตั้งหลังจากดาวน์โหลดแล้ว โดยตัวติดตั้งควรเป็นแอปที่ชื่อ Install [ชื่อเวอร์ชั่น] เช่น Install macOS Tahoe หากตัวติดตั้งเป็นไฟล์ดิสก์อิมเมจ (.dmg) หรือแพ็คเกจ (.pkg) ให้ดูรายละเอียดในคำแนะนำการดาวน์โหลดว่าควรทำอย่างไรจึงจะได้ตัวติดตั้งจากไฟล์เหล่านี้

  3. ตรวจสอบตำแหน่งของตัวติดตั้ง โดยตัวติดตั้งควรอยู่ในโฟลเดอร์แอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นโฟลเดอร์ที่เปิดขึ้นเมื่อคุณเลือก "ไป > แอปพลิเคชัน" จากแถบเมนูใน Finder และให้ย้ายตัวติดตั้งไปที่โฟลเดอร์นี้หากจำเป็น

เชื่อมต่อและเปลี่ยนชื่อแฟลชไดรฟ์ USB

  1. เชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์ USB หรือดิสก์โวลุ่มรองเข้ากับ Mac โดยตรง เมื่อคุณสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้ แฟลชไดรฟ์นี้จะถูกลบข้อมูลโดยอัตโนมัติโดยใช้รูปแบบที่เหมาะสม นั่นคือ Mac OS Extended (Journaled)

  2. ตรวจสอบความจุของแฟลชไดรฟ์ แฟลชไดรฟ์ความจุ 32GB มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มากเพียงพอสำหรับตัวติดตั้ง macOS และ 16GB ก็เป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เพียงพอสำหรับ macOS เวอร์ชั่นก่อนหน้าโดยส่วนใหญ่ หากต้องการพื้นที่เพิ่มอีก เทอร์มินัลจะแจ้งให้คุณทราบ

  3. เปลี่ยนชื่อของแฟลชไดรฟ์เป็น MyVolume ซึ่งเป็นชื่อสำหรับใช้กับคำสั่งเทอร์มินัลด้านล่างนี้

คัดลอกคำสั่งที่เหมาะสม

คลิกสามครั้งหรือลากภายในบริเวณที่เลื่อนได้ของหนึ่งในคำสั่งเหล่านี้เพื่อเลือกคำสั่งให้ครบทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ macOS ที่คุณดาวน์โหลด จากนั้นกด Command-C เพื่อคัดลอกคำสั่งไปยังคลิปบอร์ด

Tahoe

sudo /Applications/Install\ macOS\ Tahoe.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

Sequoia

sudo /Applications/Install\ macOS\ Sequoia.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

Sonoma

sudo /Applications/Install\ macOS\ Sonoma.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

Ventura

sudo /Applications/Install\ macOS\ Ventura.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

Monterey

sudo /Applications/Install\ macOS\ Monterey.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

Big Sur

sudo /Applications/Install\ macOS\ Big\ Sur.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

Catalina

sudo /Applications/Install\ macOS\ Catalina.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

Mojave

sudo /Applications/Install\ macOS\ Mojave.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

High Sierra

sudo /Applications/Install\ macOS\ High\ Sierra.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume

El Capitan

sudo /Applications/Install\ OS\ X\ El\ Capitan.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume --applicationpath /Applications/Install\ OS\ X\ El\ Capitan.app

ป้อนคำสั่งในเทอร์มินัล

  1. เปิดเทอร์มินัลที่อยู่ในโฟลเดอร์ยูทิลิตี้ของโฟลเดอร์แอปพลิเคชัน หรือใช้ Spotlightnull ในแถบเมนูเพื่อค้นหาและเปิด

  2. วางคำสั่งที่คุณคัดลอกด้านบนลงในเทอร์มินัลหรือพิมพ์คำสั่ง จากนั้นกด Return เพื่อป้อนคำสั่ง

  3. พิมพ์รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบเมื่อระบบแจ้ง แล้วกด Return ทั้งนี้เทอร์มินัลจะไม่แสดงอักขระใดๆ ในขณะที่คุณพิมพ์

    • หากคุณได้รับข้อความว่าตัวติดตั้งไม่ใช่แอปพลิเคชันตัวติดตั้งที่ถูกต้อง ให้ลบตัวติดตั้งนั้น จากนั้นใช้ยูทิลิตี้ดิสก์เพื่อซ่อมดิสก์เริ่มต้นระบบของคุณ แล้วดาวน์โหลดตัวติดตั้งอีกครั้ง

    • หากคุณได้รับข้อความว่าไม่พบคำสั่ง โปรดตรวจสอบว่าคุณใช้คำสั่งที่ถูกต้อง และตัวติดตั้งอยู่ในโฟลเดอร์แอปพลิเคชันของคุณและชื่อ Install [ชื่อเวอร์ชั่น] และหากเป็นการสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้บน Mac ที่ใช้ macOS Sierra 10.12.6 หรือรุ่นก่อนหน้า ให้พิมพ์ --applicationpath ต่อท้ายคำสั่ง ตามด้วยพาธที่ถูกต้องของตัวติดตั้ง คล้ายกับที่แสดงในตอนท้ายของคำสั่งสำหรับ El Capitan

  4. เมื่อระบบแจ้ง ให้พิมพ์ Y เพื่อยืนยันว่าคุณต้องการลบดิสก์โวลุ่มนั้น แล้วกด Return เทอร์มินัลจะแสดงความคืบหน้าขณะลบดิสก์โวลุ่ม

    • หากคุณได้รับข้อความว่าเทอร์มินัลต้องการเข้าถึงไฟล์บนโวลุ่มแบบถอดได้ ให้คลิก "ตกลง" เพื่ออนุญาตให้เทอร์มินัลดำเนินการต่อ

    • หากเทอร์มินัลไม่สามารถลบข้อมูลได้สำเร็จ ให้ใช้ยูทิลิตี้ดิสก์เพื่อลบโวลุ่ม โดยใช้รูปแบบ Mac OS Extended (Journaled) แล้วลองอีกครั้ง

  5. เมื่อเทอร์มินัลแจ้งว่าสื่อการติดตั้งพร้อมใช้งานแล้ว แฟลชไดรฟ์ USB ของคุณควรมีชื่อเดียวกับตัวติดตั้ง เช่น Install macOS Tahoe

  6. ให้ออกจากเทอร์มินัล ดีดแฟลชไดรฟ์ออก และถอดออกจาก Mac ตอนนี้คุณสามารถลบตัวติดตั้งออกจากโฟลเดอร์แอปพลิเคชันของคุณได้แล้ว

ตัวอย่างนี้แสดงวิธีสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้สำหรับ macOS Ventura

การสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้สำหรับ macOS Ventura ในเทอร์มินัล

ใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้

ทำตามขั้นตอนด้านบนโดยขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้บน Mac ที่มี Apple Silicon หรือไม่

ข้อสำคัญ: Mac ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ตัวติดตั้งสามารถรับเฟิร์มแวร์และข้อมูลอื่นๆ ที่เฉพาะเจาะจงกับ Mac รุ่นนี้ได้ หาก macOS ที่คุณกำลังติดตั้งเข้ากันไม่ได้กับ Mac ของคุณ การติดตั้งอาจไม่เสร็จสมบูรณ์ หรือ Mac ของคุณอาจเริ่มต้นระบบขึ้นมาแล้วปรากฏเป็นรูปวงกลมที่มีเส้นขีดทับ

Mac ที่มี Apple Silicon

  1. ปิดเครื่อง Mac

  2. เชื่อมต่อตัวติดตั้งที่บูตได้เข้ากับ Mac โดยตรง

  3. กดปุ่มเปิดปิดบน Mac ของคุณค้างไว้ ในขณะที่คุณกดปุ่มค้างไว้ Mac จะเริ่มต้นระบบและโหลดตัวเลือกการเริ่มต้นระบบ ซึ่งจะแสดงโวลุ่มที่บูตได้ รวมถึงตัวติดตั้งที่บูตได้

  4. เลือกตัวติดตั้งที่บูตได้ จากนั้นคลิก "ดำเนินการต่อ"

  5. เมื่อเปิดโปรแกรมติดตั้ง macOS ให้ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ

Mac อื่นๆ ทั้งหมด

  1. ปิดเครื่อง Mac

  2. เชื่อมต่อตัวติดตั้งที่บูตได้เข้ากับ Mac โดยตรง

  3. เปิดเครื่อง Mac ของคุณ จากนั้นกดปุ่ม Option (Alt) ค้างไว้ทันที

  4. ปล่อยปุ่ม Option เมื่อคุณเห็นหน้าจอที่แสดงดิสก์โวลุ่มที่บูตได้ รวมถึงตัวติดตั้งที่บูตได้

  5. เลือกตัวติดตั้งที่บูตได้ จากนั้นคลิกลูกศรบนหน้าจอหรือกด Return

  6. หากคุณใช้ Mac ที่มีชิป Apple T2 Security และไม่สามารถเริ่มต้นระบบจากตัวติดตั้งที่บูตได้ ให้ตรวจสอบว่ายูทิลิตี้ความปลอดภัยการเริ่มต้นระบบได้รับการตั้งค่าให้อนุญาตให้บูตจากสื่อภายนอกหรือสื่อที่ถอดออกได้

  7. เลือกภาษาของคุณ หากระบบแจ้ง

  8. เลือกติดตั้ง macOS (หรือติดตั้ง OS X) จากหน้าต่างยูทิลิตี้ แล้วคลิกดำเนินการต่อ และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ

วันที่เผยแพร่: