สร้างตัวติดตั้งที่บูตได้สำหรับ macOS
คุณสามารถใช้แฟลชไดรฟ์ USB หรือดิสก์โวลุ่มรองเป็นดิสก์เริ่มต้นระบบที่ใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Mac ได้ ขั้นตอนต่อไปนี้มีไว้สำหรับผู้ดูแลระบบและผู้ใช้คนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์เป็นหลัก
คุณต้องการตัวติดตั้งที่บูตได้ใช่หรือไม่
คุณไม่ต้องใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้เพื่ออัปเกรด macOS หรือติดตั้ง macOS อีกครั้ง แต่ตัวติดตั้งที่บูตได้จะมีประโยชน์เมื่อใช้วิธีอื่นๆ ในการติดตั้ง macOS แล้วแต่ไม่สำเร็จ หรือเมื่อคุณต้องการติดตั้ง macOS บนคอมพิวเตอร์หลายเครื่องโดยไม่ต้องดาวน์โหลดตัวติดตั้งทุกครั้ง
การสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้ไม่เหมือนกับการเตรียมอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกสำหรับใช้เป็นดิสก์เริ่มต้นระบบ
ดาวน์โหลดตัวติดตั้ง macOS แบบเต็ม
- ดาวน์โหลดตัวติดตั้งแบบเต็มโดยดาวน์โหลดผ่าน App Store, เว็บเบราว์เซอร์ของคุณ หรือเทอร์มินัลโดยใช้คำแนะนำในวิธีดาวน์โหลดและติดตั้ง macOS - ให้คุณดาวน์โหลดตัวติดตั้งมาเก็บไว้โดยไม่ต้องติดตั้ง หากตัวติดตั้งเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติหลังจากดาวน์โหลด ให้ปิดตัวติดตั้ง 
- โดยส่วนใหญ่ คุณต้องดาวน์โหลดจาก Mac ที่ใช้งานร่วมกันได้กับ macOS ที่คุณกำลังดาวน์โหลด ซึ่งสำหรับ macOS เวอร์ชั่นก่อน macOS High Sierra 10.13 คุณต้องสร้างตัวติดตั้งที่สามารถบูตได้บน Mac รุ่นเก่าที่ใช้งานร่วมกันได้ 
- ผู้ดูแลระบบขององค์กร: ดาวน์โหลดจาก Apple และไม่ควรดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์สำหรับการอัปเดตที่โฮสต์อยู่ภายในองค์กร 
 
- ตรวจสอบชื่อตัวติดตั้งหลังจากดาวน์โหลดแล้ว โดยตัวติดตั้งควรเป็นแอปที่ชื่อ Install [ชื่อเวอร์ชั่น] เช่น Install macOS Tahoe หากตัวติดตั้งเป็นไฟล์ดิสก์อิมเมจ (.dmg) หรือแพ็คเกจ (.pkg) ให้ดูรายละเอียดในคำแนะนำการดาวน์โหลดว่าควรทำอย่างไรจึงจะได้ตัวติดตั้งจากไฟล์เหล่านี้ 
- ตรวจสอบตำแหน่งของตัวติดตั้ง โดยตัวติดตั้งควรอยู่ในโฟลเดอร์แอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นโฟลเดอร์ที่เปิดขึ้นเมื่อคุณเลือก "ไป > แอปพลิเคชัน" จากแถบเมนูใน Finder และให้ย้ายตัวติดตั้งไปที่โฟลเดอร์นี้หากจำเป็น 
เชื่อมต่อและเปลี่ยนชื่อแฟลชไดรฟ์ USB
- เชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์ USB หรือดิสก์โวลุ่มรองเข้ากับ Mac โดยตรง เมื่อคุณสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้ แฟลชไดรฟ์นี้จะถูกลบข้อมูลโดยอัตโนมัติโดยใช้รูปแบบที่เหมาะสม นั่นคือ Mac OS Extended (Journaled) 
- ตรวจสอบความจุของแฟลชไดรฟ์ แฟลชไดรฟ์ความจุ 32GB มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มากเพียงพอสำหรับตัวติดตั้ง macOS และ 16GB ก็เป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เพียงพอสำหรับ macOS เวอร์ชั่นก่อนหน้าโดยส่วนใหญ่ หากต้องการพื้นที่เพิ่มอีก เทอร์มินัลจะแจ้งให้คุณทราบ 
- เปลี่ยนชื่อของแฟลชไดรฟ์เป็น MyVolume ซึ่งเป็นชื่อสำหรับใช้กับคำสั่งเทอร์มินัลด้านล่างนี้ 
คัดลอกคำสั่งที่เหมาะสม
คลิกสามครั้งหรือลากภายในบริเวณที่เลื่อนได้ของหนึ่งในคำสั่งเหล่านี้เพื่อเลือกคำสั่งให้ครบทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ macOS ที่คุณดาวน์โหลด จากนั้นกด Command-C เพื่อคัดลอกคำสั่งไปยังคลิปบอร์ด
Tahoe
sudo /Applications/Install\ macOS\ Tahoe.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume
Sequoia
sudo /Applications/Install\ macOS\ Sequoia.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume
Sonoma
sudo /Applications/Install\ macOS\ Sonoma.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume
Ventura
sudo /Applications/Install\ macOS\ Ventura.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume
Monterey
sudo /Applications/Install\ macOS\ Monterey.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume
Big Sur
sudo /Applications/Install\ macOS\ Big\ Sur.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume
Catalina
sudo /Applications/Install\ macOS\ Catalina.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume
Mojave
sudo /Applications/Install\ macOS\ Mojave.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume
High Sierra
sudo /Applications/Install\ macOS\ High\ Sierra.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume
El Capitan
sudo /Applications/Install\ OS\ X\ El\ Capitan.app/Contents/Resources/createinstallmedia --volume /Volumes/MyVolume --applicationpath /Applications/Install\ OS\ X\ El\ Capitan.app
ป้อนคำสั่งในเทอร์มินัล
- เปิดเทอร์มินัลที่อยู่ในโฟลเดอร์ยูทิลิตี้ของโฟลเดอร์แอปพลิเคชัน หรือใช้ ในแถบเมนูเพื่อค้นหาและเปิด 
- วางคำสั่งที่คุณคัดลอกด้านบนลงในเทอร์มินัลหรือพิมพ์คำสั่ง จากนั้นกด Return เพื่อป้อนคำสั่ง 
- พิมพ์รหัสผ่านของผู้ดูแลระบบเมื่อระบบแจ้ง แล้วกด Return ทั้งนี้เทอร์มินัลจะไม่แสดงอักขระใดๆ ในขณะที่คุณพิมพ์ - หากคุณได้รับข้อความว่าตัวติดตั้งไม่ใช่แอปพลิเคชันตัวติดตั้งที่ถูกต้อง ให้ลบตัวติดตั้งนั้น จากนั้นใช้ยูทิลิตี้ดิสก์เพื่อซ่อมดิสก์เริ่มต้นระบบของคุณ แล้วดาวน์โหลดตัวติดตั้งอีกครั้ง 
- หากคุณได้รับข้อความว่าไม่พบคำสั่ง โปรดตรวจสอบว่าคุณใช้คำสั่งที่ถูกต้อง และตัวติดตั้งอยู่ในโฟลเดอร์แอปพลิเคชันของคุณและชื่อ Install [ชื่อเวอร์ชั่น] และหากเป็นการสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้บน Mac ที่ใช้ macOS Sierra 10.12.6 หรือรุ่นก่อนหน้า ให้พิมพ์ - --applicationpathต่อท้ายคำสั่ง ตามด้วยพาธที่ถูกต้องของตัวติดตั้ง คล้ายกับที่แสดงในตอนท้ายของคำสั่งสำหรับ El Capitan
 
- เมื่อระบบแจ้ง ให้พิมพ์ Y เพื่อยืนยันว่าคุณต้องการลบดิสก์โวลุ่มนั้น แล้วกด Return เทอร์มินัลจะแสดงความคืบหน้าขณะลบดิสก์โวลุ่ม - หากคุณได้รับข้อความว่าเทอร์มินัลต้องการเข้าถึงไฟล์บนโวลุ่มแบบถอดได้ ให้คลิก "ตกลง" เพื่ออนุญาตให้เทอร์มินัลดำเนินการต่อ 
- หากเทอร์มินัลไม่สามารถลบข้อมูลได้สำเร็จ ให้ใช้ยูทิลิตี้ดิสก์เพื่อลบโวลุ่ม โดยใช้รูปแบบ Mac OS Extended (Journaled) แล้วลองอีกครั้ง 
 
- เมื่อเทอร์มินัลแจ้งว่าสื่อการติดตั้งพร้อมใช้งานแล้ว แฟลชไดรฟ์ USB ของคุณควรมีชื่อเดียวกับตัวติดตั้ง เช่น Install macOS Tahoe 
- ให้ออกจากเทอร์มินัล ดีดแฟลชไดรฟ์ออก และถอดออกจาก Mac ตอนนี้คุณสามารถลบตัวติดตั้งออกจากโฟลเดอร์แอปพลิเคชันของคุณได้แล้ว 
ตัวอย่างนี้แสดงวิธีสร้างตัวติดตั้งที่บูตได้สำหรับ macOS Ventura
ใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้
ทำตามขั้นตอนด้านบนโดยขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังใช้ตัวติดตั้งที่บูตได้บน Mac ที่มี Apple Silicon หรือไม่
ข้อสำคัญ: Mac ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ตัวติดตั้งสามารถรับเฟิร์มแวร์และข้อมูลอื่นๆ ที่เฉพาะเจาะจงกับ Mac รุ่นนี้ได้ หาก macOS ที่คุณกำลังติดตั้งเข้ากันไม่ได้กับ Mac ของคุณ การติดตั้งอาจไม่เสร็จสมบูรณ์ หรือ Mac ของคุณอาจเริ่มต้นระบบขึ้นมาแล้วปรากฏเป็นรูปวงกลมที่มีเส้นขีดทับ
Mac ที่มี Apple Silicon
- ปิดเครื่อง Mac 
- เชื่อมต่อตัวติดตั้งที่บูตได้เข้ากับ Mac โดยตรง 
- กดปุ่มเปิดปิดบน Mac ของคุณค้างไว้ ในขณะที่คุณกดปุ่มค้างไว้ Mac จะเริ่มต้นระบบและโหลดตัวเลือกการเริ่มต้นระบบ ซึ่งจะแสดงโวลุ่มที่บูตได้ รวมถึงตัวติดตั้งที่บูตได้ 
- เลือกตัวติดตั้งที่บูตได้ จากนั้นคลิก "ดำเนินการต่อ" 
- เมื่อเปิดโปรแกรมติดตั้ง macOS ให้ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ 
Mac อื่นๆ ทั้งหมด
- ปิดเครื่อง Mac 
- เชื่อมต่อตัวติดตั้งที่บูตได้เข้ากับ Mac โดยตรง 
- เปิดเครื่อง Mac ของคุณ จากนั้นกดปุ่ม Option (Alt) ค้างไว้ทันที 
- ปล่อยปุ่ม Option เมื่อคุณเห็นหน้าจอที่แสดงดิสก์โวลุ่มที่บูตได้ รวมถึงตัวติดตั้งที่บูตได้ 
- เลือกตัวติดตั้งที่บูตได้ จากนั้นคลิกลูกศรบนหน้าจอหรือกด Return 
- หากคุณใช้ Mac ที่มีชิป Apple T2 Security และไม่สามารถเริ่มต้นระบบจากตัวติดตั้งที่บูตได้ ให้ตรวจสอบว่ายูทิลิตี้ความปลอดภัยการเริ่มต้นระบบได้รับการตั้งค่าให้อนุญาตให้บูตจากสื่อภายนอกหรือสื่อที่ถอดออกได้ 
- เลือกภาษาของคุณ หากระบบแจ้ง 
- เลือกติดตั้ง macOS (หรือติดตั้ง OS X) จากหน้าต่างยูทิลิตี้ แล้วคลิกดำเนินการต่อ และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ