Tuesday, December 02, 2025

HOW A TEDDY BEAR SAVED MY LIFE

 

เป็นกำลังใจให้นะครับ น้องกีวี่ พี่ก็สะสมของไว้มากเหมือนกัน ทั้งเทปเพลง, วิดีโอเทป, หนังสือ และสมุดจดต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา เหมือนสิ่งของเหล่านี้มันบรรจุ “ความทรงจำอันแสนสุขถึงชีวิตในอดีต” เอาไว้ด้วย มันคือส่วนหนึ่งของความทรงจำของเรา ความสุขของเรา อดีตของเรา ตัวตนของเรา ถึงแม้ตายไปเราจะเอาสิ่งของเหล่านี้ติดตัวเราไปไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ตอนนี้เรายังไม่ตาย เราก็อยากที่จะเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด

 

ชีวิตมนุษย์มันไม่แน่ไม่นอนจริง ๆ ยังไงพี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องกีวี่นะครับ

 

มีเรื่องนึงอยากจะเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน คือในปี 2016 พี่เคยประสบอุบัติเหตุ (น้องน่าจะจำได้) และอุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลให้พี่สูญเสียเงินเก็บไปจนเกือบหมด เรียกได้ว่าแทบหมดตัวเลย เงินเก็บที่สะสมมาตลอดชีวิต 43 ปีหายไปราว 90% ตอนนั้นเหลือเงินติดตัวอยู่เพียงแค่ไม่กี่บาท ตอนนั้นพี่ก็คิดที่จะฆ่าตัวตายอยู่ทุกวัน เพราะรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิต และก็คิดไม่ออกถึง “อนาคต” ของตัวเอง ว่าจะอยู่รอดไปจนแก่ได้อย่างไร แต่พี่ก็ใช้พลังทางจินตนาการของตัวเอง ในการคุยกับ “ลูกหมี” หรือตุ๊กตาหมีของตัวเองไปเรื่อย ๆ พี่จินตนาการว่า “ลูกหมี” คุยกับพี่ว่า “แม่หมีไม่ต้องคิดไปถึงอนาคตในอีกหลายปีข้างหน้า แค่มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 1 วันก็พอแล้ว ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ สามทุ่มวันพรุ่งนี้แม่หมีค่อยตัดสินใจฆ่าตัวตายนะครับ” แล้วพี่ก็เลยทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ในช่วงนั้น คือเลิกคิดวางแผนถึงอนาคตหลายปีข้างหน้า แค่อยู่ต่อไปก่อนอีก 1 วัน แล้วพอสามทุ่มของแต่ละวันค่อยตัดสินใจว่าจะฆ่าตัวตายดีมั้ย แล้วพอพี่ใช้วิธีแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็เลยเหมือนเลื่อนเวลาฆ่าตัวตายออกไปเรื่อย ๆ ทีละวัน ทีละวัน และก็เลยมีชีวิตรอดจากปี 2016 จนมาถึงปี 2025 ได้ในที่สุด ซึ่งพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีหรือเปล่า เพราะพี่ก็อาจจะยังฆ่าตัวตายในอนาคตได้ทุกเมื่อ แต่ยังไงวันนี้ก็ขอกอดลูกหมีต่อไปอีก 1 วันก่อนก็แล้วกันนะ

 

เป็นกำลังใจให้น้องกีวี่นะครับ ชีวิตคนเรามันเต็มไปด้วยความทุกข์จริง ๆ แต่ยังไงวันนี้เราก็ขอมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดีที่สุดเท่าที่จะพอทำได้ก่อนก็แล้วกัน

+++

 

รวมประสบการณ์ในโรงหนัง

 

1. คู่ตัวเหี้ยแห่งเอสพลานาด รัชดา

 

ที่โรงหนังเอสพลานาด รัชดา เรามักจะเจอผู้ชายวัยกลางคนคู่หนึ่ง ที่มักจะมานั่งตรงที่นั่งแถวที่ยืดขาได้ยาว ๆ ซึ่งที่นั่งแถวนั้นมักจะอยู่ค่อนไปทางด้านหน้าของโรง ประมาณแถวที่ 5 ถัดจากจอ แล้วผู้ชายคู่นี้มักจะคุยกันเสียงดังตลอดทั้งเรื่อง

 

ซึ่งสิ่งนี้มันสร้างปัญหาให้กับเรา เพราะถึงแม้ว่าเราจะหนีไปนั่งด้านหน้า ๆ ของโรง เสียงของพวกเขาก็ดังตามมารบกวนเราได้อยู่ดี เพราะพวกเขาก็นั่งในแถวที่ไม่ห่างจากเราเท่าไหร่

 

เพราะฉะนั้นเวลาเราเจอคนจองที่นั่งแบบที่เราติ๊กถูกในรูปนี้ที่เอสพลานาด รัชดา เราก็จะหนีพวกเขาโดยการจองมาที่นั่งแถวบน ๆ แทน จะได้ห่างจากที่นั่งของคู่ตัวเหี้ยคู่นี้

 

2. หนังฟรี = แหล่งแพร่โรคระบาด

 

เราป่วยเป็นคออักเสบตั้งแต่วันศุกร์ 28 พ.ย. ทรมานมาก ต้องขากเสมหะทุกชั่วโมง แต่ตรวจแล้วไม่ได้เป็นโควิด

 

เราไม่รู้แน่ชัดว่าเราติดโรคคออักเสบมาจากใคร แต่ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งก็คือผู้ชายที่นั่งติดเราในวันศุกร์ที่ 21 พ.ย. ตอนที่เราดูหนังฟรีเรื่อง PARTHENOPE (2024, Paolo Sorrentino, Italy, A+30) ที่โรงหนัง HOUSE SAMYAN เพราะผู้ชายคนนี้ไออย่างรุนแรงหนักมากตลอดเวลา จนเราสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นวัณโรค แล้วพอหนังผ่านไปครึ่งเรื่อง เราก็ทนไม่ไหว เราก็เลยลุกหนีจากที่นั่งของเราที่อยู่ตรงกลางแถว เพื่อหนีไปนั่งแถวหน้า ๆ ติดจอภาพยนตร์แทน เพราะแถวหน้า ๆ มีที่นั่งว่างอยู่

 

คือเราใส่ mask ตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้นะ แต่ก็คิดว่า MASK ของเราอาจจะกันโรคไม่ได้ 100% และเราก็นั่งติดเขาไปนานราว 50 นาทีในช่วงแรกของหนัง เพราะฉะนั้นมันก็มีความเป็นไปได้ที่เราอาจจะติดเชื้อโรคมาจากเขา

 

คือเวลาที่เราดู “หนังฟรีในเทศกาลหนัง” ต่าง ๆ เราเลือกที่นั่งเองไม่ได้น่ะ คือถ้าหากเราเลือกที่นั่งเอง เราก็มักจะเลือกที่นั่งที่ “ห่างไกลจากมนุษย์คนอื่น ๆ ให้มากที่สุด” อยู่แล้ว ตามที่เพื่อน ๆ ของเราคงคุ้นเคยกันดี แต่พอมันเป็นเทศกาลหนังที่แจกตั๋วฟรี เราเลือกที่นั่งเองไม่ได้ เขาแจกตั๋วที่นั่งใบไหนมาให้เรา เราก็มักจะต้องนั่งตามที่นั่งนั้น โดยเฉพาะในกรณีที่ตั๋วมันเต็ม มีคนนั่งกันเต็มโรง เราจะแอบหนีไปนั่งแถวหน้า ๆ ติดจอได้ก็ต่อเมื่อเรามั่นใจว่าที่นั่งแถวหน้า ๆ มันไม่มีคนจริง ๆ

 

เพราะฉะนั้นการไปดูหนังในเทศกาลหนังฟรีมันก็เลยเสี่ยงดวงอย่างรุนแรงมาก เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะได้ที่นั่งติดกับใคร คนที่นั่งติดเราเขาอาจจะเป็นหนุ่มหล่อจากสวีเดน หรือว่าอาจจะเป็นผู้ป่วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น ไข้อีดำอีแดง เราก็มิอาจจะรู้ล่วงหน้าได้

 

ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็เคยหีแตกมาแล้วกับเทศกาลหนังอิตาลีที่แจกตั๋วฟรีในเดือนพ.ค.ปีนี้ เพราะพอหลังจบเทศกาลหนังอิตาลีในช่วงต้นเดือนพ.ค. เราก็ป่วยเป็นโควิดเลย ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเราติดโรคโควิดมาจากผู้ชมในเทศกาลนั้นหรือเปล่า แต่มันก็มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน

 

เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ถ้าหากเจอเทศกาลหนังฟรีอีก เราก็คงต้องคิดหนักมากยิ่งขึ้นว่าจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงดูหนังในเทศกาลเหล่านี้ดีไหม

Monday, December 01, 2025

THE CURSED MASK (2025, Puwadon Naosopa, A+30)

 

ตาโขน THE CURSED MASK (2025, Puwadon Naosopa, A+30)

 

แน่นอนว่าเราไม่เน้นเขียนอะไรที่มีสาระทั้งสิ้น เราแค่อยากจดบันทึกว่า “ตาโขน” ทำให้เรานึกถึงหนังเรื่องอื่น ๆ เรื่องใดโดยไม่ได้ตั้งใจบ้าง 55555

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

1. เป็นหนังที่สนุกดี ชอบการสร้างบรรยากาศของหนังมาก ๆ เพราะเราว่าบรรยากาศของหนังเรื่องนี้มันมีความหลอน ๆ บางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกถึง “อันตราย” หรือความไม่น่าไว้วางใจที่อัดแน่นอยู่ในชั้นบรรยากาศรอบตัวละคร

 

2. เราว่าความรู้สึกสนุกที่เราได้รับจากหนังเรื่องนี้ ทำให้เรานึกถึงหนัง giallo โดยไม่ได้ตั้งใจ คือในความเป็นจริงนั้น “ตาโขน” ห่างไกลจากความเป็นหนัง giallo มาก ๆ เพราะงานด้าน visual และงานด้าน style ของหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนหนังผีไทยหลาย ๆ เรื่อง และไม่ได้มีความจัดจ้านฉูดฉาดทางสีสันแบบหนัง giallo ของอิตาลี

 

แต่การที่หนังเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงหนัง giallo อาจจะเป็นเพราะว่า ตาโขนมันเป็นหนังเกี่ยวกับ “ฆาตกรลึกลับ” ที่เน้นการสร้างบรรยากาศหลอน ๆ และผูกโยงกับ supernatual elements ด้วยน่ะ ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด ความหลอน ๆทางบรรยากาศนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้หนัง giallo แตกต่างจากหนัง “ฆาตกรลึกลับ” ของชาติอื่น ๆ และแตกต่างจากหนังของ Alfred Hitchcock และหนัง slasher ของฮอลลีวู้ดด้วย เพราะว่าบรรยากาศในหนังฮอลลีวู้ดมันไม่ได้หลอนแบบหนัง giallo

 

สิ่งต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ที่ทำให้เรานึกถึงหนัง giallo และหนังอิตาลีโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

2.1 คือเหมือนตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้ เรารู้สึกถึง “อันตรายในบรรยากาศ” น่ะ ซึ่งอันตรายนี้อาจจะมาได้จากทั้งฆาตกรและสิ่งเหนือธรรมชาติ และมันก็เลยทำให้เรานึกถึงหนังอิตาลีอย่าง DEEP RED (1975, Dario Argento) และ THE RED QUEEN KILLS SEVEN TIMES (1972, Emilio Miraglia)

 

อย่าง DEEP RED มันเป็นหนังเกี่ยวกับฆาตกรลึกลับ แต่มันก็มีสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่ในหนังด้วย ซึ่งได้แก่ตัวละคร “สาวพลังจิต” เพราะฉะนั้นตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้ มันก็เลยรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่หลอนมากเป็นพิเศษ

 

ส่วน THE RED QUEEN KILLS SEVEN TIMES ก็เป็นหนังเกี่ยวกับฆาตกรลึกลับ ที่ผูกโยงกับ “คำสาปอาถรรพณ์” และจุดนี้ก็เลยทำให้นึกถึง ตาโขน ที่มีทั้งฆาตกรลึกลับ และความเชื่อเรื่องคำสาปอาถรรพณ์อยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน

 

2.2 ตัวละคร จ่อย (มอสหลง ภาณุวัฒน์ โสประดิษฐ) เคยเห็นพ่อตัวเองตายตอนที่จ่อยยังเป็นเด็ก และเขาเชื่อว่าเขาเห็น “ผีตาโขน” เป็นคนฆ่าพ่อ แต่ต่อมาเขาก็ต้องสำรวจตรวจสอบสิ่งที่เขาเห็นและสิ่งที่เขาเคยเชื่อในวัยเด็ก ว่าจริง ๆ แล้วเขาเห็นอะไรกันแน่ในตอนนั้น

 

เราชอบปมของพระเอกตรงจุดนี้มาก ๆ มันทำให้เรานึกถึงหนัง 2 เรื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งก็คือ

 

2.2.1 DEEP RED ที่พระเอกเคยเห็น “ภาพวาด” ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฆาตกรรมในช่วงต้นเรื่อง แต่ในช่วงต่อมาพระเอกก็ต้องทบทวนความทรงจำ ทบทวนสิ่งที่ตัวเองเห็น เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่า จริง ๆ แล้วภาพวาดที่ตัวเองเห็นนั้น มันมีเงื่อนงำลึกลับอะไรกันแน่ และสิ่งที่เขาเคยเชื่อว่าตัวเองเห็นในช่วงต้นเรื่อง จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างที่เขาเชื่อหรือเปล่า

 

2.2.2 TRAUMA (1993, Dario Argento)

 

นางเอกเห็นพ่อกับแม่ของตัวเองถูกฆาตกรฆ่าตัดหัวตายในช่วงต้นเรื่อง แต่ต่อมานางเอกก็ต้องเผชิญกับคำถามที่ว่า สิ่งที่ตัวเองเห็นนั้น มันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

 

2.3 ตัวละครพระเอกของตาโขน เจอ “ห้องลับ” และในห้องลับนั้น มี “ศพของคนที่เคยถูกฆ่าตายเมื่อหลายปีก่อนซุกซ่อนไว้”

 

จุดนี้ก็ทำให้นึกถึง DEEP RED และ TRAUMA โดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน 55555

 

สรุปว่า ชอบ “บรรยากาศของอันตราย และความไม่น่าไว้วางใจ” ใน “ตาโขน” มาก ๆ เราว่าจุดนี้มันทรงพลังสำหรับเรามากพอ ๆ กับหนัง giallo ของอิตาลี ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้ว ตาโขนไม่ได้มีงานด้าน visual และ style ที่คล้ายคลึงกับหนัง giallo เลยแม้แต่นิดเดียว

 

3. ตอนแรกที่เราดูหนังเรื่องนี้จบ เราจะตั้งคำถามว่า การที่หนังให้สิ่งเหนือธรรมชาติมาช่วยแก้ไขปัญหาในช่วงท้ายของหนัง มันเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ง่ายเกินไปหรือเปล่า แต่พอเรานึกย้อนไป เราก็พบว่า หนังมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันมีสิ่งเหนือธรรมชาติเป็นตัวละครอยู่ในหนังด้วย เพราะเราว่าสิ่งที่ช่วยนำทางพระเอกไปจนเจอจั่นในห้องลับในช่วงกลางเรื่อง ก็น่าจะเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติเช่นกัน คือเหมือนสิ่งเหนือธรรมชาติปรากฏตัวชัด ๆ ในหนังเรื่องนี้อย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงกลางเรื่องแล้ว ไม่ได้โผล่มาเพื่อแก้ไขปัญหาในช่วงท้ายเรื่องเพียงอย่างเดียว (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด)

 

4. แต่เราว่าความสนุกในช่วง climax ของหนังมันน้อยไปหน่อย เหมือนมัน “ลุ้น” น้อยเกินไปหน่อยสำหรับเรา 55555 เราก็เลยอาจจะชอบ ท่าแร่ THA RAE: THE EXORCIST (2025, Taweewat Wantha) มากกว่าหนังเรื่องนี้นิดนึงตรงจุดนี้

 

5. แฟรงค์ ธนัตถ์ศรันย์ ซำทองไหล น่ารักมาก ๆ ฉันรักเขา

 

6. แอบขำที่หนังเรื่องนี้มีจุดพ้องกับหนังไทยอีก 2 เรื่องที่ออกฉายในปีเดียวกัน โดยไม่ได้ตั้งใจ 55555 ซึ่งได้แก่

 

6.1 THE LEGEND OF PHI TAKHON MASK ตำนานหน้ากากผีตาโขน (2025, Tang Stuntman แต่ง สตั้นแมน, 104min, C )

 

แต่ยังดีที่ “ตำนานหน้ากากผีตาโขน” เป็น “หนังบู๊อภินิหาร” หนังสองเรื่องนี้ก็เลยพ้องกันแค่ในส่วนของการพูดถึง “หน้ากากผีตาโขน” แต่ genre ของหนังสองเรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกันแต่อย่างใด

 

6.2 ลบหลู่ DISPARAGE (2025,  Chomlaman SrikumAsadaporn Pakdeenarong, C- )

 

ตัวละคร “ย่าถิน” (นกน้อย อุไรพร) ในตาโขน ทำให้เรานึกถึงพระเอกของ DISPARAGE โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตัวละครทั้งสองตัวนี้ต้องการท้าทายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพยายามทำลายศาลเจ้าอะไรต่าง ๆ เหมือนกัน

 

7. ขำที่ปีนี้ไทยมี “หนังสยองขวัญ 2 พยางค์” ออกมาหลายเรื่องมาก ซึ่งในบรรดาหนังกลุ่มนี้ เราอาจจะชอบ

 

7.1 + 7.2 “ท่าแร่” กับ “ตาโขน” มากเป็นอันดับหนึ่งเท่า ๆ กันในตอนนี้ ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าชอบหนังเรื่องไหนมากกว่ากัน

 

7.3 พนอ ART OF THE DEVIL: BEGINNING (2025, Putthipong Saisrikaeo, A+30) มากเป็นอันดับสาม

 

7.4 ห่าก้อม THE DARKNESS OF THE SOUL (2025, Pongpat Wachirabunjong, A+25) มากเป็นอันดับ 4

 

7.5 คายอ้อ KAYAOR DISRECPECTING FAITH AND SUPERNATURAL (2025, Phawat Panangkasiri, A+15) เป็นอันดับ 5

 

7.6 ลบหลู่ เป็นอันดับ 6

 

7.7 ผีเบล BRYAN BELL (2025, Stephan Yip Tin-Hang, F) เป็นอันดับ 7

 

8. ในแง่หนี่ง เราก็รู้สึกว่า ตาโขน เหมือนเป็นการสานต่อสิ่งที่คุณภูวดลเคยทำไว้ในหนังเรื่อง เนา-โสภา THE LOCAL CURE (2019, Puwadon Naosopa, 30min, A+30) เพราะว่าหนังเรื่อง THE LOCAL CURE ก็เริ่มต้นด้วยการทำท่าว่ามันอาจจะเป็นหนัง folk horror ที่พูดถึงความสยองขวัญจากสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติ ก่อนที่จะคลี่คลายตัวเองไปเป็นหนังแนวอื่นในเวลาต่อมา ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดที่น่าสนใจมาก ๆ ทั้งสำหรับ THE LOCAL CURE และ THE CURSED MASK

 

THE LOCAL CURE เนาโสภา มีให้ดูในยูทูบนะ

 

เราชอบหนังเรื่อง ปฏิกุน PA-TI-KOON (2020, Puwadon Naosopa, short film, A+30) มาก ๆ ด้วยเช่นกัน แต่เรายังไม่เคยดูละครที่กำกับโดยคุณ Puwadon นะ เราก็เลยบอกไม่ได้ว่า เขามีลายเซ็นอะไรหรือไม่ แต่ก็ชอบหนังทั้งสามเรื่องของคุณ Puwadon ที่เราได้ดู ทั้ง เนาโสภา, ปฏิกุน และตาโขน

 

9. พอเราเห็นว่ามีคุณ Tossaphon Riantong ร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง “ตาโขน” ด้วย มันก็เลยทำให้เรานึกถึงหนังสั้นของคุณ Tossaphon อย่างรุนแรงมาก เพราะว่า ตาโขน เป็นหนังแนว “ปริศนาฆาตกรรม” “ฆาตกรลึกลับ” และมันก็เลยทำให้เรานึกถึงภาพยนตร์แนว thriller ที่คุณ Tossaphon Riantong เคยกำกับตอนที่เขาเรียนชั้นมัธยม อย่างเช่นเรื่อง REMEMBER จำ (2008, 28min), MY BEST FRIEND เพื่อน (2009, 25min) และ เมื่อฝนทิ้งช่วง WHEN FON DUMPS CHUANG (2009, 27min)

 

ถ้าหากเราจำไม่ผิด เราจำได้ว่าช่วงนั้นเรากับเพื่อน ๆ ตื่นเต้นมากพอสมควรที่เห็นเด็กมัธยมสามารถกำกับ+เขียนบทหนังแนว thriller ที่มีความซับซ้อนรุนแรงขนาดนี้ แต่เสียดายที่เราไม่ได้ดูหนังเรื่อง DARKSIDE อารมณ์ (2008, Tossaphon Riantong, 28min) นะ เราก็เลยไม่รู้ว่าหนังเรื่อง DARKSIDE เป็น thriller ซับซ้อนเหมือนกันหรือเปล่า แต่เราเดาเอาเองว่าน่าจะเป็น thriller เหมือนกัน

 

เพราะฉะนั้นพอเราได้เห็นบทภาพยนตร์ที่มีความซับซ้อน มีลูกล่อลูกชน และสร้างความสนุกแบบ thriller + horror ได้อย่างน่าพึงพอใจมาก ๆ ใน “ตาโขน” เราก็เลยนึกถึงหนังเรื่อง จำ, เพื่อน และ เมื่อฝนทิ้งช่วงที่คุณ Tossaphon เคยกำกับในปี 2008-2009 มาก ๆ เหมือนเขามีแววทางนี้มาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว 55555

 

Edit เพิ่ม: เราเพิ่งเติม พนอ กับ ผีเบล เข้าไปทีหลังนะ เพราะเพิ่งนึกได้ทีหลังว่ามันเป็น “หนังสยองขวัญไทย 2 พยางค์” ในปีนี้ด้วย


SUMMER AND MY TEDDY BEAR

 

SUMMER AND MY TEDDY BEAR (2025, Jattarin Meedach, queer film, 27min, A+30)

ฤดูร้อนปีนี้ผมพาตุ๊กตาหมีกลับบ้าน (2025, เจตริน มีเดช)

 

1. หนังเกย์รัก 3 เส้าระหว่างหนุ่มหล่อ 3 คน และ “ตุ๊กตาหมี” ชื่อ “เต้าหู้” คือพอตัวละครพูดชื่อตุ๊กตาหมีขึ้นมา เรากับลูกหมีก็อดหัวเราะพร้อมกันไม่ได้ เพราะ reference มันชัดมากว่า หนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากใคร 55555

 

2. เข้าใจว่าหนังน่าจะถ่ายที่จังหวัด สุพรรณบุรี จริง ๆ และหนังก็ดูเหมือนจะใช้ประโยชน์จาก location ของตัวเองได้ดีพอสมควร

 

SPOILERS ALERT

--

--

--

--

--

--

--

--

--

--

 

3. ถือเป็นหนัง guilty pleasure อีกเรื่องนึงของปีนี้ เพราะในทางเนื้อเรื่องแล้ว เรารู้สึกว่าพล็อตเรื่องมันดูมีช่องโหว่ยังไงไม่รู้ เพราะเราไม่รู้ว่าตัวละครสำคัญตัวนึงเสียชีวิตยังไง แล้วพอเราไม่รู้ว่าเขาฆ่าตัวตาย หรือประสบอุบัติเหตุตายในสภาพยังไง เราก็เลยจะไม่ค่อยแน่ใจว่า ความรู้สึก guilty ของตัวละครอีกตัวนึงมันสมเหตุสมผลหรือมีความหนักแน่นมากพอหรือเปล่า

 

มันก็เลยดูเหมือนกับว่า ความระหองระแหงระหว่างตัวละครเอกสองตัว และการตายของหนึ่งในตัวละคร มันดูเป็นเหมือน “เครื่องมือ” อะไรบางอย่างเพื่อให้หนังก้าวไปสู่ “การสร้างอารมณ์เศร้า+ซาบซึ้ง” แต่มันยังขาดความหนักแน่นมากพอที่จะทำให้คนดูมีอารมณ์คล้อยตามไปด้วยได้น่ะ คือคนดูรับรู้ถึงความระหองระแหงระหว่างตัวละคร และรับรู้ว่าตัวละครตัวนึงตาย แต่พอหนังไม่ได้นำเสนออารมณ์และเนื้อเรื่องในส่วนนี้อย่างละเอียดพอ และหนังกลับใช้วิธีบอกเล่าแบบข้ามๆ ในส่วนนี้ คนดูอย่างเราก็เลยไม่มีอารมณ์ร่วมในส่วนนี้ และก็เลยรู้สึกมีระยะห่างจากความเศร้าของตัวละครในหนังตามไปด้วย

 

4. แต่นักแสดงเล่นดีใช้ได้นะ ทั้งแม่ของผู้ตายและตัวละครหมิง คือเรารู้สึกว่าตัวละครเศร้าจริง เศร้ามาก เพราะการแสดงที่น่าเชื่อถือมาก ๆ ของทั้งคู่น่ะ แต่เราอาจจะไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับความเศร้าของตัวละครด้วย เพราะเหตุผลในข้อสาม

 

5. ถึงแม้หนังจะมีจุดที่เราไม่ชอบในข้อสาม แต่เราชอบหนังเกย์, ชอบหนุ่มหล่อ ๆ และชอบตุ๊กตาหมีอย่างรุนแรง เพราะฉะนั้นยังไง ๆ เราก็ถือว่าเราชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆ อยู่ดี 55555 (ลูกหมีก็บอกว่าเธอชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆ)

+++

 

เห็นเพื่อน ๆ หลายคนซึ่งรวมถึงตัวเราเองที่มีอายุ 52 ปี กำลังจะย่างเข้าสู่วัยชรา และเพื่อน ๆ หลายคนก็กำลังดูแลพ่อแม่ที่อยู่ในวัยชรา เราก็เลยสงสัยว่า ตอนนี้ในไทยมีการเปิดธุรกิจ BODYBUILDER CAREGIVER แล้วยัง เพราะเราเห็นธุรกิจแบบนี้มีแล้วในญี่ปุ่น เพราะว่าญี่ปุ่นมีคนชราจำนวนมาก เขาเลยเอา “นักกล้าม” มาทำหน้าที่ดูแลคนชรา เพราะว่านักกล้าม “มีแรงมากพอที่จะอุ้มตัวผู้ป่วย” ได้

 

เราขอสนับสนุนให้มีการเปิดธุรกิจแบบนี้ในไทยด้วยนะ อยากให้มีธุรกิจแบบนี้ในไทยมาก ๆ เพราะเราเองก็มีอายุย่างเข้าสู่วัยชราแล้ว ต้องการการดูแลแบบนี้มาก ๆ และเราเองก็มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะด้วย เพราะฉะนั้นเราก็เลยคิดว่าถ้าหากจะจ้างคนมาดูแลเรา เราก็ต้องอาศัยคนดูแลที่เป็นนักกล้ามแบบนี้นี่แหละ เขาจะได้มีแรงพยุงตัวเราไหว

 

รีบ ๆ เปิดธุรกิจแบบนี้ในไทยกันนะคะ

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

https://essential-japan.com/news/japans-muscle-carers-inspire-new-generation-of-caregivers-as-job-applications-rise/

 

ดูคลิปเพิ่มเติมได้ที่

https://x.com/asahicom/status/1536632031634812928?t=aA_3yET91qPYC0bjW0iVAg&s=07&fbclid=IwY2xjawOZ75dleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFPdGg1Nm9hN2o4U1NsRHJPc3J0YwZhcHBfaWQQMjIyMDM5MTc4ODIwMDg5MgABHkjDQAyoj8-l2Ik7Q1dCSKX1qma1UgcHvAacT8vBLdH_LyQPC_HejuM8SCym_aem_bPB22hP97ELadCk1ojmXgw

Sunday, November 30, 2025

The Tteokbokki Girl’s Sweetheart

 

รักหวานใจยัยต๊อกบกกี (2025, วิศรุต จิปิภพ, 23min, A+30)

 

1. ONE OF MY MOST FAVORITE FILMS I SAW THIS YEAR “รักหวานใจยัยต๊อกบกกี” น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกที่เราได้ดู ที่นำเสนอตัวละคร "กะเทย" ที่ตั้งครรภ์กับผัวหนุ่มหล่อ โดยที่หนังทำเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ โดยไม่มีคำอธิบายอะไรทั้งสิ้น (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิดนะ)

 

คือเราเข้าใจว่า ในวงการนิยายนั้น มันมี “กลุ่มนิยายที่มีตัวละครชายตั้งครรภ์” กันมานานระยะหนึ่งแล้ว แต่เหมือนกับว่าเรายังแทบไม่เคยเจอหนังแนวนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นนี่น่าจะเป็นหนัง queer เรื่องแรกที่เราได้ดู ที่นำเสนอตัวละคร “กะเทยตั้งครรภ์” เพราะในหนังเรื่องนี้ นางเอกเป็นกะเทยชื่อ “ชาคริต” ที่ตั้งครรภ์กับผัวหนุ่มหล่อ

 

อันนี้ไม่นับหนังผู้ชายตั้งครรภ์อย่างเช่น JUNIOR (1994, Ivan Reitman) นะ เพราะ JUNIOR ไม่ได้เป็นหนัง queer ในความรู้สึกของเรา

 

คือ “รักหวานใจยัยต๊อกบกกี” ไม่ได้ให้คำอธิบายอะไรทั้งสิ้นกับการตั้งครรภ์นี้ เราก็เลยจินตนาการเอาเองว่า หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของโลกอนาคตที่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นช่วยให้ผู้ชาย/กะเทย/transsexual สามารถตั้งครรภ์ได้อย่างเป็นปกติธรรมดาแล้ว

 

2. ชอบที่ “ชาคริต” มีหุ่นยนต์หนุ่มหล่อ 2 คนเข้ามาพัวพันในสมการความสัมพันธ์ด้วย โดยที่หุ่นยนต์ตัวนึงหล่อล่ำ และใส่แต่กางเกงในสีขาวตัวเดียวตลอดเวลา แต่เขาขยับตัวไม่ได้ ส่วนหุ่นยนต์อีกตัวขยับเคลื่อนไหวได้เหมือนคนจริง ๆ

 

3. เราเข้าใจว่าภาพทั้งหมดในหนังมาจาก life simulation game ชื่อ INZOI นะ ซึ่งการนำภาพจากวิดีโอเกมมาเล่าเรื่องได้ดีแบบนี้ ทำให้นึกถึงหนังของ Harun Farocki มาก ๆ โดยเฉพาะหนังชุด PARALLEL I-IV (2012)

 

4. ตัวละคร ชาคริต ที่เป็นนางเอกของเรื่องนี้ ก็ถือเป็นตัวละครที่เราชอบมาก ๆ ด้วย เพราะจริง ๆ แล้วเธอมีความเป็น “เผด็จการ” เธอเป็นตัวละครเทา ๆ เธอไม่ใช่ “นางเอกนิสัยดี” 55555 แต่เราก็ชอบที่เธอ “เงี่ยนผัว” มาก ๆ และก็ชอบภาษากะเทยของตัวละครในเรื่องอย่างรุนแรงมาก

 

คือจริง ๆ แล้วคิดว่า “กลุ่มตัวละครกะเทย” ในหนังเรื่องนี้นี่ปะทะกับกลุ่มตัวละครกะเทยในหนังของ Ryan Trecartin ได้สบาย ๆ เลย

 

5. เนื้อเรื่องแบบไซไฟของหนังอาจจะไม่ได้ล้ำมากนัก เมื่อเทียบกับหนังไซไฟของฮอลลีวู้ด แต่เราก็ชอบที่หนังเรื่องนี้เอา genre หนังแบบไซไฟมาผสมกับความ queer แล้วออกมาเป็นอะไรที่กะหรี่แตกมาก ๆ

+++

 

บทความในปี 2022 ที่สัมภาษณ์คุณวิศรุต จิปิภพ ผู้กำกับหนังเรื่อง “รักหวานใจยัยต๊อกบกกี” (2025)

https://www.exoticquixotic.com/stories/queer-gamer

 

++++

 พอพูดถึง Roger Films Studio แล้วก็เลยนึกถึงเรื่องปีศาจจากญี่ปุ่นที่เราชอบมาก ๆ

 +++++

รื่นโรย นี่คือฉายปะทะกับ LANDMARKS (2025, Lucrecia Martel, Argentina, documentary, A+30) และ THE MYSTERIOUS GAZE OF THE FLAMINGO (2025, Diego Cespedes, Chile, A+30) ได้สบาย ๆ เลย เพราะว่า subjects ของ “รื่นโรย” นี่คือเผชิญปัญหาเรื่อง “ที่ดินทำกินของชนพื้นเมือง” คล้าย ๆ กับ subjects ของ LANDMARKS และก็เคยเผชิญปัญหาเรื่องความเป็น queer เหมือนใน THE MYSTERIOUS GAZE OF THE FLAMINGO ด้วย

Friday, November 28, 2025

FIRST-DEGREE VANISHING

TAMOUR BATTANT (2019, François-Christophe Marzal) นำแสดงโดย Sabine Timoteo ที่เคยนำแสดงใน GHOSTS (2005, Christian Petzold, Germany, A+30)

 

เทศกาลหนังสวิตเซอร์แลนด์ คนดูเกือบเต็มแล้ว งั้นเราอยู่ดูเทศกาลหนังสั้นมาราธอน + ดูหนัง MUBI ที่บ้านก็ได้ เราไม่อยากไปงานที่มีคนเยอะ ๆ แน่น ๆ 55555

 

แต่ก็เสียดายนะ เพราะว่าหนังที่ฉายในเทศกาลภาพยนตร์สวิตเซอร์แลนด์ จะไม่มีวันได้วนกลับมาฉายในเทศกาลภาพยนตร์อียูอย่างแน่นอน เพราะว่าสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้เป็นสมาชิกอียู

 

ซึ่งสิ่งนี้จะแตกต่างจากเทศกาลหนังอิตาลี, เทศกาลหนังเยอรมัน, เทศกาลหนังนอร์ดิก ที่หนังบางเรื่องยังพอมีสิทธิได้วนกลับมาฉายในเทศกาลภาพยนตร์อียูได้อีก

+++

 

I AM WHAT I AM 2 (2024, Sun Haipeng, China, animation) เกือบ SOLD OUT แล้วนะ ใครจะดูต้องรีบซื้อตั๋วนะ

 

เราชอบหนังภาคแรกอย่างรุนแรงมาก

 

ในนี้บอก LYCHEE ROAD มีฉายที่ SF ในวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค.ด้วยครับ และก็มีรอบฉายในวันอื่น ๆ ที่หอภาพยนตร์ ศาลายา และที่มศว ด้วยครับ

+++

 

เราชอบหนังเรื่อง NEVER SHALL WE BE ENSLAVED (1997, Kyi Soe Tun, Myanmar, A+30) มาก ๆ เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในวันที่ 17 ส.ค. 2006 ที่โรงภาพยนตร์ Major Hollywood รามคำแหง ดีใจมาก ๆ ที่หนังเรื่องนี้ได้รับการถูกพูดถึงอีก

+++

 

ออกแบบได้สวยสุดขีด อยากให้ของไทยมีคนทำดีวีดีละครโทรทัศน์ของช่อง 3 เรื่อง พรสีเลือด (1978, อดุลย์ กรีน) กับ ทะเลเลือด (1986, อดุลย์ ดุลยรัตน์) ออกมาขายบ้าง เพราะว่าละครโทรทัศน์สองเรื่องนี้ดัดแปลงนิยายของ Agatha Christie ออกมาได้อย่างสุดยอดมาก ๆ โดยพรสีเลือดนั้นดัดแปลงมาจาก AND THEN THERE WERE NONE ส่วน ทะเลเลือด ดัดแปลงมาจาก DEATH ON THE NILE และเราขอยกให้ “พรสีเลือด” เป็น ONE OF MY MOST FAVORITE TV SERIES OF ALL TIME เลย คือเราดูละครทีวีเรื่องนี้เมื่อราว 45-47 ปีที่แล้ว แต่ฉากฆาตกรรมในละครทีวีเรื่องนี้ยังคงติดตาเรามาโดยตลอด 45 ปีที่ผ่านมา หนักที่สุด

++++

 

เมื่อวานเราได้ชมภาพยนตร์เรื่อง “น้องชายที่แสนดี(ย์)” FIRST-DEGREE VANISHING (2025, Montree Saelo, 85min, A+30) ในเทศกาลหนังสั้นมาราธอน ซึ่งเป็นหนังที่นำเสนอภาพจอมืดตลอดทั้งเรื่อง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ชมจินตนาการภาพในหัวด้วยตัวเอง ตามเสียงเล่าเรื่องที่มีลักษณะกึ่ง ๆ บทภาพยนตร์ กึ่ง ๆ ละครวิทยุ กึ่ง ๆ เรื่องสั้น

 

เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ “ถ่ายภาพ โดย ผู้ชม” เราก็เลยฟังเนื้อเรื่องที่หนังเล่า แล้วก็จินตนาการภาพ “ตัวละคร” ที่หนังเรื่องนี้เล่า ออกมาได้ดังนี้

 

1. พี่เคน

 

2. น้องเซน

 

3. กันต์

 

4. วีเจข้าวเหนียว

 

5. แว่น หนุ่มคนงานรับจ้างของตามีกับยายจา

 

6. ลุงชา

 

7. อันปี ลูกชายอบต.

 

8. พ่อของอันปี

 

9. เพื่อนตำรวจของเมษา

++++

Paul Krugman บอกว่า THE ADDAMS FAMILY (1991, Barry Sonnenfeld) คือหนัง WOKE ที่มาก่อนกาล พอเราได้มาย้อนดู ก็พบว่าฉากนี้มันได้กลายเป็นฉากคลาสสิคไปแล้วจริง ๆ ดูแล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่อง EUREKA (2023, Lisandro Alonso, A+30) ที่พูดถึงชีวิต Native Americans ในยุคปัจจุบันด้วย



++++

 

เมื่อเช้านี้อุณหภูมิในกรุงเทพลดลงไปแตะ 18 องศาเซลเซียส ซึ่งคนไทยอาจจะมองว่าหนาว แต่เราเห็นคลิปหนุ่มมองโกเลียหล่อล่ำมาเดินถอดเสื้อที่ภูเก็ต เราก็เลยคิดว่า อุณหภูมิของไทยแบบนี้คงไม่ใช่อากาศหนาวสำหรับหนุ่มมองโกเลียแน่เลย เราก็เลยกูเกิลดู แล้วกูเกิลก็บอกว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของฤดูหนาวในมองโกเลียอยู่ที่ “ติดลบ 30 องศาเซลเซียส” เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ก็อย่าได้แปลกใจค่ะ ถ้าหากจะเจอหนุ่มมองโกเลียมาเดินถอดเสื้อในฤดูหนาวในไทย 55555

Monday, November 24, 2025

LONGLIST OSCAR ANIMATIONS

 

จำได้ว่าเราเห็น BJORK ครั้งแรก ก็ตอนที่รายการโทรทัศน์ "บันเทิงคดี" ของคุณมาโนช พุฒตาล นำมิวสิควิดีโอเพลง OOPS เพลงนี้มาออกอากาศทางช่อง 11 ในปี 1991

+++++

ดีใจสุดขีดกับ ARCO (2025, Uco Bienvenu, France, A+30), BLACK BUTTERFLIES (2024, David Baute, Spain/Panama, A+30), COLORFUL STAGE! THE MOVIE: A MIKU WHO CAN’T SING (2025, Hiroyuki Hata, Japan, A+30), GABBY’S DOLLHOUSE: THE MOVIE (2025, Ryan Crego, A+30), THE LEGEND OF HEI 2 (2025, Jie Gu, Mtjj, China, A+30), 100 METERS (2025, Kenji Iwaisawa, Japan, A+30)

 

สรุปว่าเราเหมือนได้ดูไปแค่ 11 จาก 35 เรื่อง ในบรรดา 11 เรื่องนี้ เราเชียร์ BLACK BUTTERFLIES มากที่สุด

 

แต่ดีใจสุดขีดกับ COLORFUL STAGE! THE MOVIE: A MIKU WHO CAN’T SING เราคิดว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าจะผ่านเข้ารอบ shortlist แต่การที่หนังเรื่องนี้ผ่านมาได้ถึงขั้นนี้ เราก็ปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นล้นพ้นแล้ว



+++

 

เจอสมุดโน้ต “100 FILMS: FILM REVIEWS” ที่ร้าน FLYING TIGER ในห้าง Emsphere เราก็เลยซื้อมา แต่อาจจะซื้อมาเก็บไว้เล่น ๆ เพราะมันน่ารักดี แต่ไม่รู้ว่าเราจะได้ใช้งานมันจริง ๆ หรือเปล่า เพราะถ้าหากเราอยากจดบันทึกถึงหนัง เราก็คงจดมันลง FACEBOOK + BLOG เป็นหลัก เราไม่น่าจะจดลงสมุดเป็นหลัก

 

คือถ้าหากเราเจอสินค้านี้ในทศวรรษ 1990 เราก็คงได้ใช้งานมันจริง ๆ เราคงพกสมุดโน้ตนี้ติดตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาไปดูหนังที่ Goethe และ Alliance แต่พอเรามาเจอสินค้านี้ในทศวรรษนี้ เราก็เลยอาจจะซื้อเก็บไว้เพื่อความกุ๊กกิ๊ก แต่ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ใช้งานมันจริงมั้ย 55555

Friday, November 21, 2025

FAVORITE SOUNDTRACK: GOOD LIFE (1988) – Inner City

  

เราเคยตุนซื้อแอลกอฮอล์ไว้เยอะในช่วงที่โควิดระบาด วันนี้มาเช็คดูพบว่ามันหมดอายุในเดือนส.ค. 2025 เราควรรีบโยนแอลกอฮอล์เหล่านี้ทิ้งไปเลยใช่ไหม มันสามารถนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้อีกหรือเปล่า 55555

+++

ดีใจสุดขีดกับ DUSE, CASE 137, SIRAT, ARCO, AFTERNOONS OF SOLITUDE, MY FATHER’S SHADOW ที่ได้เข้าชิงรางวัลในปีนี้ และก็ดีใจสุดขีดที่ RIEFENSTAHL กำลังจะมาฉายที่หอภาพยนตร์ในเดือนธ.ค.

+++

ดื่มน้ำมะเขือเทศเพื่อเป็นพลีให้หนังเรื่อง A HOLY FAMILY (2022, Elvis Lu, Taiwan, documentary, A+30)

+++

 


FAVORITE SOUNDTRACK: GOOD LIFE (1988) – Inner City

 

น้ำตาไหลพรากตอนที่ได้ยินเพลงนี้ในหนังเรื่อง GOOD FORTUNE (2025, Aziz Ansari, A+30) รู้สึกว่า “รสนิยมด้านเพลง” ของหนังเรื่องนี้ตรงกับเรามาก ๆ เพราะหนังเรื่องนี้ใช้เพลงในทศวรรษ 1980 + ต้นทศวรรษ 1990 ทั้งนั้นเลย 55555

https://youtu.be/dPMfjOoWVnk?si=fm6xIXhow3bCXWHJ

++++

 

เราไปดูหนังเรื่อง EUREKA (2023, Lisandro Alonso, Argentina/France/Mexico, 147min, A+30) ที่หอภาพยนตร์ ศาลายาในวันพฤหัสบดี พอดูหนังเสร็จ ออกมาเดินที่ถนนด้านหน้าหอภาพยนตร์ ก็พบว่าอากาศดีสุดขีด อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และมีลมรำเพยแผ่วพลิ้วสยิวใบหญ้าพัดมา มีความสุขมาก ๆ กับอากาศแบบนี้ หลังจากนั้นเรากับเพื่อนก็เลยเดินไปกินอาหารเย็นที่ร้าน STONES CORNER ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หอภาพยนตร์

 

Tuesday, November 18, 2025

ROSA LUXEMBURG IN CHIANGMAI

 

เห็นบทสาวพิการของ “หลินฟ่งเจียว” ใน THE STORY OF A SMALL TOWN (1979, Li Hsing, Taiwan, A+30) แล้วนึกว่า เธอมาเพื่อปะทะกับ “โนริปี้” หรือ Noriko Sakai ในละครทีวีชุด “สวรรค์ลำเอียง” HEAVEN’S COIN (1995) ที่เคยฉายทางช่อง 3 เพราะในละครเรื่องนั้น โนริปี้ก็รับบทเป็น “สาวใบ้” เหมือนกัน และเป็นบทบาทที่หนักหนาสาหัสมาก ๆ

 

ว่าแล้วก็เลยอยากดู “สวรรค์ลำเอียง” อีกรอบมาก ๆ

++++

 

ไอเดียเริ่ดสุดขีด สร้างละครที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงของ Yumi Matsutoya  น่าดูมาก ๆ CENTIPEDE HORROR (1982, Keith Li, Hong Kong) น่าดูมาก ๆ ควรมีคนจัดงาน 1970S-1980S HONG KONG HORROR RETROSPECTIVE ได้แล้ว

++++

ใช่ ดู AFIRE แล้วนึกถึง Eric Rohmer อย่างรุนแรง

++++

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

อะไรคือการที่ ROSA LUXEMBOURG (1986, Margarethe von Trotta, West Germany) ได้เข้าฉายที่เชียงใหม่ แต่จะไม่เข้าฉายในกรุงเทพ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้คะ หนังเรื่องนี้ควรได้ฉายในหลาย ๆ จังหวัดในไทยนะคะ ซึ่งรวมถึงในกรุงเทพและปริมณฑลด้วย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ดิฉันอยากดูหนังเรื่องนี้มาเป็นเวลานานราว 25 ปีแล้ว เพราะจำได้ว่าคุณใจ อึ้งภากรณ์ ชอบเขียนถึง Rosa Luxembourg ลงหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเมื่อราว 20-25 ปีก่อน ดิฉันก็เลยตั้งหน้าตั้งตารอว่า สักวันหนึ่งดิฉันจะได้ดูหนังเกี่ยวกับสตรีผู้เลื่องชื่อระบือนามเรื่องนี้

 

ซึ่งก็ปรากฏว่า ในที่สุดหนังเรื่องนี้ก็ได้เข้าฉายในไทย แต่ได้ฉายที่เชียงใหม่ ไม่เข้าฉายในกรุงเทพและปริมณฑล

 

ตอนนี้ดิฉันก็เลยเข้าใจความรู้สึกของ “คนต่างจังหวัด” เป็นอย่างดี เวลาที่หนังหลายเรื่องชอบเข้าฉายแต่ในกรุงเทพ แต่ไม่ลงโรงฉายในต่างจังหวัด 55555