เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งเท่ากับยอมรับแดนอธิปไตยและเขตอธิปไตยตามที่เขมรอ้างเป็นเรื่องร้ายแรงหนักหนามาก
พิเคราะห์ลักษณะคดีและความร้ายแรงของเรื่องแล้ว เชื่อว่าถ้าเรื่องส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องแล้ว อาจมีคำสั่งให้ หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชน
จับตาจังหวะก้าวการยื่นคำร้องของนายวีระ สมความคิดให้ดี
หลักฐานการลงนามในการไปประชุมผู้ว่าราชการ ชายแดนไทยเขมรของรองนายกอนุทินในข้อที่ 8 เป็นหลักฐานที่ชัดเจนและมัดแน่นว่า การตกลงปักปันเขตแดนไทยกัมพูชา ซึ่งมุ่งเน้นที่เขตหลักที่ 72 และ 73 ยังไม่ชัดเจนยังไม่เป็นที่ตกลงกัน เมื่อเขตอธิปไตย ตรงจุดนี้ โดยเฉพาะหลักเขตที่ 73 ซึ่งไทยอ้างว่าอยู่ลึกเข้าไปในเกาะกง และเขมรอ้างว่าอยู่ริมทะเลอ่าวไทย ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน
เมื่อตกลงหลักเขต อันเป็นเขตอธิปไตยยังไม่ได้ เขตอธิปไตยของเขมรก็ยังไม่ถึงฝั่งทะเลอ่าวไทย แดนอธิปไตย ในทะเลอ่าวไทย จากชายฝั่งเกาะกง วัดไป 200 ไมล์ทะเลจึงเกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อแแดนอธิปไตยตรงนี้ยังไม่ชัดเจน จึงยังไม่มีพื้นที่ทับซ้อน และยังต้องถือตาม สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส และที่ประเทศไทยได้ครอบครอง เป็นเขตแดนอธิปไตยของประเทศไทยมาตั้งแต่ต้น ทรัพยากรใต้ทะเลทั้งหลาย ในพื้นที่นี้จึงเป็นของไทยแต่ฝ่ายเดียว
ใครไปเจรจายกให้เขมรแบ่งครึ่งไปจึงเป็นการขายชาติ ทรยศชาติ และจะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนทั้งบนบก ตรงหลักเขตที่ 73 และเสียแดนอธิปไตยในทะเล รวมทั้งพื้นที่เกาะกูดอีกครึ่งหนึ่งด้วย
นี่คือความร้ายแรงของเรื่อง ที่นักการเมืองควรตระหนักสังวรไว้
ว่าคนไทยทุกคนทั้งประเทศทุกหมู่เหล่า จะไม่มีวันยินยอม โดยเฉพาะเหล่าทหาร ทั้งอดีตและปัจจุบันที่เขาทำหน้าที่ปกปักรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลาน สืบทอดมาจากบรรพชน เขาไม่มีวันยินยอมเด็ดขาด
ถ้ารัฐบาลยังดึงดันเดินหน้าต่อไป ก็จะทำให้เรื่องนี้ เป็นเรื่องชี้ขาดชะตากรรมของรัฐบาลอย่าได้สงสัยเลย